ชีวิต – ฝึกงาน ได้อะไรมากกว่าที่คิด

คิดไปคิดมาแล้ว มาเขียนถึงการฝึกงานไว้ตรงนี้ดีกว่า คือ จริงๆ
ไม่อยากจะจดบันทึกอะไรเป็นลายลักษณ์อักษร
เพราะว่ารู้สึกว่าความคิดบางอย่างก็เป็นแค่ความคิดแว๊บขึ้นมา
ยังไม่ได้ตกผลึก ยังไม่ได้หาเหตุผลว่าทำไม ดูลอยๆ ไป แต่ก็ไหนๆ
วันนี้ก็ว่างแล้ว (ก่อนจะไปทำรายงานฝึกงาน) ก็จะมานั่งคิด
นั่งตกผลึกเขียนเอาไว้ละกัน ให้คนอื่นๆได้อ่านด้วย

ขอออกตัวไว้ก่อนว่าความคิดผม อาจจะขัด ไม่ตรงกับความคิดของพวกคุณ มีอะไรแนะนำกันได้

เรื่องมันก็ต้องเริ่มจากว่า พอเรียนขึ้นมาถึงปี 3 ก็เริ่มคิดถึงอนาคต ว่าเราจะเรียนต่อ จะทำงาน หรือจะไปอะไรยังไงทางไหน
ก็พอจะสรุปความต้องการของตัวเองได้คร่าวๆ ว่า

  1. ไม่อยากเขียน web , webapp
    ซึ่งเป็นงานที่เห็นว่าคนที่จบทางนี้ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ทำกัน
    และจากที่เห็น(ย้ำว่าจากที่ตัวผมเห็น) พี่ๆ
    ที่จบไปก็ทำงานประมาณนี้กันซะส่วนมาก ถ้ายังทำสายคอมพิวเตอร์อยู่

  2. ตั้งใจว่าหนึ่งปีกว่าๆนี้เป็นต้นไป(นับตั้งแต่ยังไม่ปิดเทอม)
    จะหัดภาคปฏิบัติอย่างเต็มที่ เพราะรู้สึกที่ผ่านมาได้ทำน้อยเหลือเกิน
    เหมือนไม่มี skill อะไรจะไปทำงาน

  3. ไม่อยากทำงานบริษัทใหญ่ๆ ที่พี่ๆ ส่วนใหญ่ในภาคจบไปแล้วทำกัน เพราะรู้สึกว่ามันไม่นำเราไปสู่จุดหมายที่ต้องการได้

สาเหตุที่ไม่อยากมันก็มี ผมสนุกกับคอมพิวเตอร์ได้
เพราะการได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้วิ่งไล่เทคโนโลยี
ตื่นเต้นกับนวัตกรรมใหม่ เท่ๆ
และหวังว่าซักวันนึงจะมีโอกาสได้สร้างนวัตกรรมให้คนอื่นวิ่งตาม
ถ้าหากผมไปทำงานบริษัทเหล่านั้น ยิ่งบริษัทใหญ่เท่าไหร่
เค้าก็จะมีเทคโนโลยี รูปแบบ แบบแผนเป็นของตัวเอง แล้วไอ่สิ่งต่างๆ
ที่ผมสนุก ผมได้เรียนรู้รับมา มันก็กลายเป็นเพียงแค่กิจกรรมยามว่าง
(ซึ่งเมื่อมีงานประจำอยู่ก็ไม่รู้เราจะมีแรงทำอะไรกับงานอดิเรกยักษ์นี้ของ
เราซักเท่าไหร่) ไร้ประโยชน์ไปในทางด้านอาชีพ เหมือนกับคุณเป็นนักร้องเพลง
pop วัยรุ่นชื่อดัง แต่จริงๆ คุณชอบร้องเพลงแนวร็อคมากกว่า โอเค
มันอาจจะเป็นการร้องเพลงเหมือนกัน แต่นั่นแหละ มันไม่ใช่

ช่วงที่ทั้งภาคตื่นเต้นหาที่ฝึกงานกันอยู่ ผมก็โดนกดดันไปด้วย
กลัวว่าจะไม่มีที่ฝึกงาน แต่ก็จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า
ไม่อยากทำอะไรอ่ย่างที่รุ่นพี่เคยทำมา
จึงรู้ตัวว่าไม่สามารถรออะไรจากคณะได้ จึงออกค้นหาบนโลกอินเตอร์เน็ตเอง
ก็ไปเจอโพสรับสมัครไว้ที่ forum ของ narisa.com
ตอนนั้นจับใจความได้ประมาณว่า รับสมัครเด็กฝึกงานมา config opensource
ตัวนึง ตอนนั้นก็สนใจ opensource อยู่
เพราะอยากรู้ว่ามันทำให้ผู้ที่ทำมันเนี้ย มีรายได้ เลี้ยงชีวิตได้อย่างไร
(สุดท้ายก็เหมือนกับที่เข้าใจในตอนแรกแหละ service เท่านั้น)

ก็ตัดสินใจอยู่พักนึง (จนโดนพี่เค้าว่ามา)
ตอนนั้นที่ค่อนข้างต้องใช้เวลาตัดสินใจ
เพราะรู้สึกให้ความสำคัญกับการฝึกงานและsenior project มากๆ
ว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่ชี้อนาคตของเราเลยทีเดียว

โดยตอนนั้นกำลังมีความไม่มั่นใจอยู่ว่า งานแนว developer
ที่ต้องใช้การค้นคว้าหาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้อย่างอิสระ เนี้ย
ในประเทศไทยจะมีให้เราทำหรือเปล่า โดยตอนนั้นคิดเรื่องเรียนต่อไว้
ว่าคงไม่เรียนแล้ว เพราะรู้สึกว่า(นี่ก็ความคิดส่วนบุคคล)
งานคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย ไม่ค่อยมีที่ไหน require โท คอมเลย
ส่วนมากแค่ตรีก็รับแล้ว เน้นประสบการณ์มากกว่า ถ้าจะเรียนต่อในประเทศไทย
ก็ไม่เรียนดีกว่า แต่ถ้าเป็นต่างประเทศ มันมีบริษัทที่ require โท หรือเอก
อยู่ แต่กับเกรดตัวเองไม่ค่อยดี จึงไม่หวังที่จะไปเรียนต่อเมืองนอก
(เนื่องจากไม่อยากรบกวนทางบ้านแล้ว) และจริงๆ ก็อยากอยู่ประเทศไทยอยู่ดี

บวกกับความรู้สึกตอนเรียน ที่รู้สึกไม่อยากเรียนแล้ว รู้สึกอยากรู้
แต่ไม่อยากสอบ อยากนั่งเรียน อยากทำงานส่ง แต่ไม่อยากอ่านหนังสือสอบ
คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตมาก กับการใช้เวลาเกือบเดือนเพื่ออ่านแล้วก็ไปสอบ
แล้วก็ลืมทิ้งไป สุดท้ายก็ตัดสินใจว่า สองปีที่เพื่อนเรียนต่อกัน
ขอปฏิบัติแซงหน้าไปก่อนละกันนะ อยากรู้อะไรเพิ่มเติม สนใจอะไร
ก็อ่านเอาเอง น่าจะได้อะไรที่ตรงความต้องการมากกว่า
(ซึ่งรู้สึกว่าต้องใช้ระเบียบวินัยในตัวเองสูงมากๆ)

วนกลับมาเรื่องฝึกงาน จุดประสงค์ของงานคือ แก้ ERP software ที่ชื่อ Apache Ofbiz ให้เข้ากับระบบธุรกิจของไทย

ความยากมันอยู่ที่ตัว application มันมี framework ของมันอยู่แล้ว
แต่ไม่มี document ให้ มีเพียง source code เราต้องทำความเข้าใจกับมัน
เลียนแบบเค้า ในการสราง feature ใหม่ๆ ขึ้นมา

model การฝึกงานสองเดือนที่ผ่านมานี้ก็จะอยู่ในรูป พี่สั่งมาว่าอยากได้
feature นี้ โดยเค้าจะนำร่องให้ก่อนว่า core การ implement ต้องทำงี้ๆๆๆ
นะ แล้วเราก็ไปใส่รายละเอียดเอา ทำไม่ได้ มีปัญหา มีบั๊ก
ก็พยายามแก้ด้วยตัวเอง ถ้าจนปัญญา ก็ไปถาม ให้พี่ช่วย ซึ่งหลายๆ ครั้ง
การช่วยของพี่เค้าก็คือการ search google มาตอบ
หนำซ้ำบางครั้งเราก็เห็นหน้านั้นแล้วด้วย แต่เราไม่รู้ว่านี่แหละ
คือทางแก้ปัญหาของเรา หรือแม้แต่ source code ก็เหมือนกัน ไล่ source code
อยู่ที่เดียวกัน แต่เรามองไม่ออกว่ามันทำอะไร แต่พี่เค้าเดา(ซึ่งมักจะถูก)
และอธิบายออกมาได้ราวกับเป็นคนเขียนเอง
ทำให้รู้สึกว่าเราต้องพยายามทำเองนะ ถ้าไม่อบจนแล้วจริงๆ ก็จะไม่ไปถาม
เพราะรู้สึกว่าถ้าออกไปก็จะไม่มีพี่คอยชี้แนะแล้ว
ต้องพยายามยืนได้ด้วยตัวเอง ขอขอบคุณพี่ป๊อก
ณ ที่นี้ด้วย (รู้สึกโชคดีที่ได้พี่ป๊อกเป็นคนดูแล
เพราะเราสามารถแสดงตัวเรา(ที่ค่อนข้างจะแปลกกว่าชาวบ้าน)
ได้อย่างเต็มที่ตรงไปตรงมา ดูไปด้วยกันได้
อย่างไม่ต้องปรับตัวหรือระวังกิริยามารยาท)

ตลอดเวลาการฝึกที่ผ่านมา เท่าที่รู้สึกได้ก็คือ happy ดี มีความสุข
สังเกตได้จากแต่ละวัน แต่ละอาทิตย์ แต่ละเดือน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
โดยเป็นไปตาม model ในย่อหน้าที่แล้ว จนกระทั่งเมื่อวาน อาจารย์เฉลิมเอก
มาตรวจนิสิตฝึกงาน จึงทำให้ได้เห็นว่า เราโชคดีจริงๆ ที่ได้มาฝึกที่นี่

ได้นั่งคุยกับพี่ป๊อก และอ.เฉลิมเอก ชัวโมงกว่าเลยทีเดียว
คำถามของอ.ก็จะอยู่ในแนว พอใจกับนิสิตมั้ย ต้องการอะไรจากคณะ มหาลัยมั้ย
มีอะไรจะแนะนำมั้ย ก็มีโยงไปถึงมีโปรเจ็คน่าสนใจให้เด็กทำ senior มั้ย
จนได้ยินอย่างนึงว่า อ.เฉลิมเอกบอกว่าผมมีโปรเจ็คซึ่งต้องใช้คนที่มี skill
แบบนี้ (การ hack การแก้ไขโปรแกรม) แต่หาคนทำยากมาก
มันดูเป็นงานที่ต้องใช้ความพยายาม ความชอบสูง (ประมาณว่ารายได้ที่ได้
จะไม่ค่อยคุ้มกับความเหนื่อย) แต่ส่วนตัวแท็ปก็ยังมองว่า กับงาน กับ skill
ที่แท็ปได้รับมาเนี้ย ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นในภาค
ที่ได้รับการชี้แนะอย่างงี้ ก็ต้องทำได้กันหมดแหละ ก็ไม่รู้แหะ แต่นี่หละ
โชคดีข้อแรกของผม ได้มีคนคอยชี้แนะทางเริ่ม ถ้าอยู่ดีๆ ให้ไปแกะโปรแกรมเอง
คงโยนทิ้งไปตั้งแต่ชั่วโมงแรกละ แต่นี่ได้พี่เค้าคอยชี้แนะให้
สิ่งที่ได้เต็มๆ เลย คือ ความมั่นใจว่าเราทำได้

โชคดีข้อที่สอง จะบอกว่าการฝึกงานครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเลยทีเดียว

เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้เลยว่า สิ่งที่เราอยากทำ
ในประเทศไทยมีให้เราทำหรือเปล่า เพราะเท่าที่เห็นก็มี แค่ website,
webapp, UML  แต่ตอนนี้ก็พอมองเห็นทางแล้วว่าเราจะไปยังไง ไปทางไหน มันมี
community อยู่นะ สำหรับ opensource แล้วเค้าก็เลี้ยงตัวเองอยู่ได้ คือ
มันมีทางแหละ ถ้าแท็ปไม่ได้ฝึกงานที่นี่ ไปฝึกที่อื่น
แท็ปก็คงไม่เห็นอะไรอย่างงี้ และสุดท้ายจบไปก็คงวนไปอยู่ในบริษัท,งาน
ที่ไม่อยากทำ นั้นๆ ที่กล่าวมาแล้ว

โชคดีข้อที่สาม ได้มั่นใจในวินัยในตัวเอง เพราะที่นี่ ไม่fix อะไรทั้งสิ้น
เข้างานกี่โมงก็ได้ ออกกี่โมงก็ได้ วันเริ่มฝึก วันหยุดฝึก
ทุกอย่างแท็ปกำหนดเองหมด ไม่มีการ block internet ใดๆ ทั้งสิ้น
เข้าได้ทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่าง ทีนี้ก็อยู่ที่คุณละว่าคุณจะทำตัวอย่างไร
ซึ่งผม เท่าที่ผ่านมาก็พอใจกับตัวเองในระดับหนึ่ง

สิ่งที่อยากทำหลังจากเรียนจบ ตอนแรกคิดว่า พยายามหาไอเดีย
เพื่อทำอะไรของตัวเองตั้งแต่ต้นเลย
เพราะรู้สึกว่าถ้าเราเข้าไปอยู่ในระบบบริษัทแล้ว ความรับผิดชอบในงาน
จะทำให้เราหมดพลังในการทำอย่างอื่นไป ตอนแรกก็เผื่อใจไว้ละหละว่า
ถ้ามันไม่มี idea อะไร ดิ้นไม่หลุด ก็คงวิ่งเข้าสู่วงจรเหมือนรุ่นพี่ๆ
เค้า วัดกันที่ปีสี่นี่แหละ ว่าจะหา idea นั้นเจอหรือเปล่า
แต่ตอนนี้กลับมาคิดใหม่ เกือบทุกอย่างยังเหมือนเดิม
แต่มันมีจุดเปลี่ยนอยู่ตรงที่ ไม่จำเป็นว่าจบปุ๊ปต้องมีบริษัทของตัวเองเลย
แต่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ คือ ได้ทำอะไร อย่างอิสระ มากกว่า
อย่างน้อยบริษัทที่ไปฝึกงานด้วยเนี้ย ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างนั้น
แค่ได้ทำอะไรอย่างอิสระสูงๆ รอเวลารอจังหวะ ก็น่าจะโอเคละ
 
ไม่รู้ว่าอนาคตด้านคอมพิวเตอร์จะเป็นยังไง แค่ขอไล่ตามบ้าง เกาะบ้าง แถๆ
ไปบ้าง ตามไปเรื่อยๆ ละกัน สนุกดี ก็อาจจะมีซักวันได้เป็นผู้ถูกตามบ้าง

ตอนนี้ก็คิดว่ามาถูกทางละหละ จากตอนแรกที่ยังไม่ค่อยมั่นใจ คือ
มันมีงานที่เราอยากทำให้เราทำ เลี้ยงตัวเราได้
เลี้ยงครอบครัวเราได้ในอนาคต ก็สบายใจละ

ตอนนี้มีความสุข รู้สึกว่าอะไรหลายๆ อย่างที่เราตัดสินใจทำ ในรอบปีสองปีที่ผ่านมา ที่ตอนนั้นตัดสินใจอย่างไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจว่า ดีหรือเปล่าควรหรือเปล่า กลับให้ผลออกมาในทางที่ดี มันก็มีกำลังใจ และความมั่นใจ ในการทำอะไรต่อไปหละเน้อ

อาจจะเขียนอะไรได้ไม่ครบถ้วนในตอนนี้ อาจจะมีที่ลืมๆ ไปบ้าง
ถ้าคิดไรออกอีกก็จะมาเติมทีหลังละกัน มีอะไร ชี้แนะ แลกเปลี่ยน สงสัย
ก็ถามมาได้เลยทุกทาง ทางนี้ หรือตัวเป็นๆ หรือเมลล์ อะไรก็ได้
อยากฟังคอมเมนต์และความคิดเห็นของทุกคนเหมือนกัน
ขอบคุณมากที่อ่านมาถึงตรงนี้

ปล. บอกอาจารย์กะพี่ป๊อกไปว่า คิดว่าเพื่อนในภาคที่จบมาจะเปลี่ยนสาย
มีประมาณ 50% คือ คิดอย่างงี้จริงๆ แต่สองคนเค้าตกใจมาก
ก็เลยเริ่มไม่มั่นใจ เพื่อนๆ คิดว่าไงอะ แท็ปคิดงี้จริงๆ

10 thoughts on “ชีวิต – ฝึกงาน ได้อะไรมากกว่าที่คิด

  1. windslash

    แกะ ERP ได้นี่เก่งจริงๆนะ  ถ้าไม่รับคำว่าเก่ง ก็ต้องบอกว่าความพยายามสูงมาก
     
    ผมเคยแกะ Opensource บางตัวที่ไม่มี doc แค่ตัวเล็กๆก็จะตายแล้ว
     
    ปล. มีไอเดียซีเนียร์โปรเจคเป็นการทำ plugin ใน eclipse เพื่อใช้ refactoring  สนใจเปล่า?

    Reply
  2. Teerapap

    คงไม่ถึง 50% แต่แรกหรอก แต่ ภายใน 2-3 ปี อาจจะวิ่งขึ้นไปถึง หะหะ

    Reply
  3. Nuttanart

    คอมเมนต์แรกนี่ใครอ่าาาคือ จะบอกว่าเราไม่ได้แกะเองอะอะ อย่างที่บอก คือ พี่เค้าคอย guide คอย ชี้ให้อยู่แล้ว ตัว ERP จริงๆ เนี้ย แทบไม่ได้ความรู้อะไรหรอก แหะๆ

    Reply
  4. -Natdanai-

    "..อาจจะเขียนอะไรได้ไม่ครบถ้วนในตอนนี้.."  คือ แค่เขียนไม่ครบก็ยาวจนจะอ้วกและอะ อิอิอิ
    "..คิดว่าเพื่อนในภาคที่จบมาจะเปลี่ยนสาย มีประมาณ 50%.." ไม่รู้ว่าจริงๆจะถึงป่าวว่ะ แต่มึงนับกุรวมไปอยู่ในนั้นได้เลย 

    Reply
  5. Aruj

    เราเดาว่าเม้นแรก คือ เจมมี่อ่านบล๊อกแทปแล้วได้มุมมองมาเยอะเลยแหะ เพราะว่าคนละทางกับเราจริงๆ(หมายเหตุ นี่คืออรุช)แต่ว่าสภาพการทำงานก็ค่อนข้างเหมือนกันนะ ของเรามีโปรดักต์มาให้เล่น มีโจทย์ นอกนั้นก็เสิร์ชเอง มีไกด์น้อยมากการทำงานก็อิสระ ไม่ค่อยบล๊อคเน็ต  (บล๊อตพอร์ตแปลกๆ กันไวรัส กันบิต) ถือว่าค่อนข้างชอบกับการทำงานอ่ะ (เพราะไม่ต้องเขียนโปรแกรม)ทำงานที่นี่แล้วรู้สึกดี รู้สึกเวลาออกไปหาลูกค้า แล้วทำให้มั่นใจในตัวเองมากขึ้น

    Reply
  6. Nuttanart

    ลืมตอบ ค.ห. แรกอีกทีว่าสนใจ แต่ผมจะติดต่อคุณได้ไงเนี้ย

    Reply
  7. Nuttanart

    อ่า เจมมี่หรอก หรอ งั้นไว้คุยกัน

    Reply
  8. Teerapong

    Senier Project แท็ปอยู่กลุ่มใครอะ แล้ววางแผนอยากทำแนวไหนอะ คิดไว้บ้างยัง

    Reply
  9. Nuttanart

    ตอบเบิร์ด ยังไม่มี ยังไม่ได้วางอะไรเลย

    Reply
  10. Siwadon

    ชอบประโยคนี้อ่ะ ความรู้สึกเดียวกัน"รู้สึกอยากรู้
    แต่ไม่อยากสอบ อยากนั่งเรียน อยากทำงานส่ง แต่ไม่อยากอ่านหนังสือสอบ
    คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตมาก กับการใช้เวลาเกือบเดือนเพื่ออ่านแล้วก็ไปสอบ
    แล้วก็ลืมทิ้งไป"

    Reply

Leave a reply to Nuttanart Cancel reply